วันที่ 5 ม.ค.2568 นางชไมพร สีทอง พยาบาลวิชาชีพ หัวหน้าศูนย์บริจาคอวัยวะ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่าศูนย์บริจาคอวัยวะได้รับบริจาคอวัยวะ(กระจกตา)จากคนไข้ที่เสียถึง 2 ราย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ 1 ราย และเป็นพระภิกษุ 1 ราย สามารถนำไปช่วยเหลือให้ผู้อื่นได้กลับมามองเห็นได้อีกครั้งถึง 4 ราย ศูนย์บริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย จึงได้มอบเกียรติบัตรและหรีดเคารพศพ โดยมีพว.ปัญจนา พรายอินทร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลเพชรบูรณ์เป็นตัวแทนมอบและญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายเป็นตัวแทนรับมอบ
นางชไมพร สีทอง รายแรกคือพระคำส่าน ฟองจ้อน อายุ 72 ปี จำพรรษาอยู่ที่วัดกลางน้ำร้อน ต.น้ำร้อน อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เข้ามารักษาด้วยอาการเลือดออกในสมอง แต่ญาติไม่ประสงค์ที่จะรักษาด้วยการผ่าตัดเนื่องจากเสี่ยงต่อการเป็นเจ้าชายนิทรา แพทย์จึงได้ดูแลรักษาตามอาการอย่างเต็มความสามารถ กระทั่งได้มรณภาพในช่วงเย็นของวันที่ 4 ม.ค.2568 พยาบาลจึงได้แจ้งถึงโครงการบริจาคอวัยวะ(กระจกตา) ถึงแม้จะมรณภาพแล้วก็สามารถบริจาคได้ ญาติจึงตกลงบริจาคกระจกตกทั้ง 2 ข้าง นำไปช่วยเหลือให้ผู้อื่นได้มองเห็นได้ 2 คน
รายที่สองชื่อนายบวรศักดิ์ ภูธา อายุ 50 ปี ชาว อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมวนป่าชุมชนที่ 13 น้ำหนาว กรมป่าไม้ โดยคนไข้ถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลน้ำหนาว ด้วยอาการเลือดคั่งในสมอง แพทย์ได้ทำการรักษาอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากเลือดออกในสมองเป็นจำนวนมากจึงไม่อาจช่วยชีวิตไว้ได้ ระหว่างนั้นพยาบาลได้เข้าไปพูดถึงโครงการบริจาคอวัยวะเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งญาติก็ยินดีที่จะบริจาคอวัยวะทุกส่วนที่จะสามารถนำไปช่วยเหลือผู้อื่นได้ แต่ทั้งนี้เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายอย่างจึงสามารถบริจาคได้เพียงกระจกตา 2 ข้าง แต่ก็ยังสามารถนำไปช่วยเหลือให้ผู้อื่นได้มองเห็นได้อีกถึง 2 คน
ด้านนายภาคิน ฟองจ้อน บุตรชายของพระคำส่าน ฟองจ้อน เปิดเผยว่าหลวงพ่อได้บวชเป็นพระมาประมาณ 10 พรรษาแล้ว แต่ก็มีโรคประจำตัวตามภาวะของผู้สูงอายุ กระทั่งช่วงเดือนธันวาคม 2567 มีอาการหน้ามืดจึงได้นำส่งโรงพยาบาลเพชรบูรณ์และพบว่ามีเลือดออกในสมอง ถ้าจะรักษาก็ต้องทำการผ่าตัด ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นเจ้าชายนิทรา จึงขอให้แพทย์ดูแลรักษาตามอาการ จนกระทั่งมรณภาพเมื่อวานนี้ ซึ่งหลังจากมรณภาพแล้วได้มีพยาบาลเข้ามาพูดคุยถึงเรื่องการบริจาคอวัยวะ ถึงแม้หลวงพ่อจะมรณภาพแล้วแต่ก็สามารถบริจาคกระจกตาเพื่อนำไปช่วยผู้อื่นได้มองเห็นได้อีกถึง 2 คน ตนเห็นว่าร่างกายนำไปเผาไฟก็กลายเป็นเถ้าถ่าน ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งสามารถนำไปช่วยเหลือคนอื่นได้ตนก็ยินดี รวมทั้งได้เป็นการทำบุญครั้งใหญ่ให้แก่หลวงพ่อด้วย
ด้าน น.ส.นริศรา ศิริพันธ์ ภรรยาของนายบวรศักดิ์ ภูธา เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้สามีของตนทำงานอยู่ที่ศูนย์ส่งเสริมวนป่าชุมชนที่จังหวัดศรีสะเกษ เพิ่งย้ายมาอยู่ที่อำเภอน้ำหนาวได้ไม่กี่เดือน ซึ่งสามีมีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก ในวันเกิดเหตุสามีกำลังจะขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงานคาดว่าอาการลมชักน่าจะกำเริบจึงได้ล้มลงศีรษะฟาดกับฟื้น เพื่อนร่วมงานได้นำตัวส่งโรงพยาบาลน้ำหนาว และส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ แพทย์ได้ดูแลรักษาอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากมีเลือดออกในสมองจำนวนมากจึงได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ระหว่างนั้นพยาบาลได้เข้ามาพูดคุยถึงการบริจาคอวัยวะ ซึ่งตนก็ยินดีที่จะบริจาคอวัยวะของสามีทุกอย่างที่จะสามารถนำไปช่วยชีวิตผู้อื่นได้ แต่ก็สามารถบริจาคได้เพียงกระจกตา 2 ข้าง ซึ่งก็สามารถนำไปช่วยเหลือให้ผู้อื่นได้มองเห็นได้ถึง 2 ราย ซึ่งตนเชื่อว่าการบริจาคอวัยวะในครั้งนี้ผลบุญจะส่งผลให้สามีไปสู่ภพภูมิที่ดี